วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ซอฟแวร์(Softwere)

คือ การลำดับขั้นตอนการทำงานของคำสั่งที่จะทำหน้าที่สั่งคอมพิวเตอร์ว่าให้ทำอะไร เป็นชุดของโปรแกรมหลายๆโปรแกรมนำมารถทำงานได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ต้องการ เรามองไม่เห็นหรือสัมผัสไม่ได้แต่เราสารมารถสร้าง จัดเก็บ และนำมาใช้งานหรือเผยแพร่ได้ด้วยสือหลายชนิด เช่น แผ่นซีดี แผ่นบันทึก แฟล็ชไดร์ฟ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น


หน้าที่ของซอฟแวร์(Softwere)

ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟแวร์เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย วแฟแวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท

ซอฟแวร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท

-ซอฟแวร์ระบบ(System Software)
-ซอฟแวร์ประยุกต์ (Application Software)
-ซอฟแวร์ใช้งานเฉพาะ

1.ซอฟแวร์ระบบ (System Software)

เป็นระบบโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จักการกับระบบ คือ ดำเนินงานพื้นฐานต่างๆของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำสำรอง
System Software หรือโปรแกรมระบบที่รู้จักกันดีก็คือ DOS,Windows,Unix,Linux รวมทั้งโปรแกรมแปลคำสั่งที่เขียนในภาษาระดับสูง เช่น ภาษา Basic,Fortran,Pascal,Cobol,C เป็นต้น
นอกจากนี้โปรแกรมที่ใช้งานการตรวจสอบระบบเช่น Norton's Utilities ก็นับเป็นโปรแกรมสำหรับระบบด้วยเช่นกัน

หน้าที่ของซอร์ฟแวร์ System Software

1.ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น รับรู้การกดแป้นต่างๆบนแผนแป้นอักขระ ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้าและส่งออกอื่นๆ เช่น เมาส์ ลำโพง เป็นต้น
2.ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือในทำนองกลับกัน คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก
3.ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น การขอดูรายการในสารบบ(directiry)ในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล ซอร์ฟแวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป แบ่งออกเป็นระบบปฏิบัติการและตัวแปลภาษา

ประเภทของซอฟต์แวร์ระบบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.ระบบปฏิบัติการ (Operating System:OS)
2.ตัวแปลภาษา

1.ระบบปฏิบัติการ (Operating System:OS)หรือ โอ เอส

เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องเป็นซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ดอส วินโดว์ ยูนิกซ์ ลีนุกซ์ และแมคอินทอช เป็นต้น

1.ดอส (Disk Operating System : DOS) เป็นซอฟต์แวร์จักระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ไมโครซอฟต์คอมพิวเตอร์ในอดีต ปัจจุบันระบบปฏิบัติการดอสนั้นมีการใช้งานน้อยมาก
2. วินโดวส์ (windows)เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส โดยให้ผู้ใช้สามารภสั่งงานได้จากเมาส์มากขึ้นแทนการใช้แผงแป้นอักขระเพียงอยางเดียว นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ยังสามารถทำงานำด้หลายอย่างพร้อมกัน โดยงานแต่ล่ะงานจะอยู่ในกรรอบช่องหน้าตางบนจอภาพ ทำให้สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้น ระบบปฏิบัติการคอมหิวเตอร์จึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
3. ยูนิกซ์ (Unix)เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นเทคโนโลยีแบบเปิด (Open System) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้องผูกติดกับระบบใดระบบหนึ่งหรืออุปกรณ์ที่มียี่ห้อเดียวกันยูนิกซ์ยังถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในลักษณะที่มีผู้ใช้(multitasking)ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จึงนิยมใช้กับเครื่องที่เชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อใช้งานร่วมกันหลายๆเครื่องพร้อมกัน
4. ลีนุกซ์(linux) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาจากระบบยูนิกซ์ เป็นระบบซึ่งมีการแจกจ่ายโปรแกรมต้นฉบับให้นักพัฒนาช่วยกันพัฒนาคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการลีนุกซ์เป็นที่นิยมกันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีโปรแกรมประยุก์ต่างๆ ที่ทำงานบนระบบลีนุกซ์ จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมในในกลุ่มของกูส์นิว (GNU) และสิ่งที่สำคัญคือระบบลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการประเภทแจกฟรี (Fee Ware)ผู้ใช้สามารถใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ระบบลีนุกซืสมารถทำงานำด้บนระบบหลายตระกูล เช่น อินเทล () ดิจิทอลและซันสปาร์ค ถึงแม้ว่าในขณะนี้ลีนุกซ์ยังไม่สามารถแทนระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนพีซีได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ผู้ใช้จำนวนมากได้หันมาใช้และช่วยพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนลีนุกซ์กันมากขึ้น
5.แมคอินทอช เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ แมคอินทอชส่วนมากนำไปใช้งานด้านกราฟฟิก ออกแบบและจัดแต่งเอกสาร นิยมใช้ในสำนักพิมพ์ต่างๆ
นอกจากระบบปฏิบัติการที่กล่ามาแล้วยังมีระบบปฏิบัติการอีกมากมาย เช่น ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์ นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการที่ใช้งานเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สร้างขึ้นมาเพื่องานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในสถาบันศึกษา
หน่วยความจำหลัก

เป็นหน่วยเก็บข้อมูลและคำสั่งต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยชุดความจำข้อมูลที่สามารถบอกตำแหน่งที่เก็บข้อมูลหรือคำสั้ง ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บไว้และสามารถนำออกมาใช้ในการประมวลผลภายหลัง คำนวณได้จากค่จำนวณพื้นที่ที่สามารถใช้ในการเก็บข้อมูล จำนวนพื้นที่คือข้อมูล และขนาดของโปรแกรมที่สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด
หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)

หน่วยประมวลผลกลาง หรือ(CPU)มีความหมาย ทางด้านฮาร์ดแวร์ 2อย่างคือ

1.ชิป (Chip)ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์

2.ตัวกล่องเครื่องที่มีCPUบรรจุอยู่

หน่วยความจำหลัก

แบ่งได้2ประเภทคือ หน่วยความจำแบบ"แรม"และหน่วยความจำแบบ"รอม"

1.หน่วยความจำแบบ"แรม"

เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าเพื่อรักษาข้อมูลซึ่งถุกเก็บข้อมุลเอาไว้ชั่วคราวขณะทำงานเรียกว่าแบบหน่วยความจำแบบลบเลือนได้(Volatile Momory)

หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)

หน่วยประมวลผลกลาง หรือ(CPU)มีความหมาย ทางด้านฮาร์ดแวร์ 2อย่างคือ

1.ชิป (Chip)ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์

2.ตัวกล่องเครื่องที่มีCPUบรรจุอยู่

หน่วยความจำหลัก

แบ่งได้2ประเภทคือ หน่วยความจำแบบ"แรม"และหน่วยความจำแบบ"รอม"

1.หน่วยความจำแบบ"แรม"

เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าเพื่อรักษาข้อมูลซึ่งถุกเก็บข้อมุลเอาไว้ชั่วคราวขณะทำงานเรียกว่าแบบหน่วยความจำแบบลบเลือนได้(Volatile Momory)

2.หน่วยความจำแบบ"รอม"

เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่ถาวรไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่ป้อนให้กับวงจร ยอมให้ซีพียุอ่านข้อมุลหรือดปรแกรมใช้งานอย่างเดียวไม่สามารถเขียนข้อมูลลงไปเก็บไว้ได้โดยง่ายเราเรียกว่า หน่วยความจำแบบไม่ลบเลือน(Nonvolatile Momory)

หน่วยความจำสำรอง

หน่วยความจำสำรอง หรือหน่วยเก็บข้อมูลรอง เป็นหน่วยเก็บที่สามารถรักษาข้อมูลได้ตลอดไปหลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอรืแล้ว

หน่วยความจำสำรองมีหน้าที่หลักคือ

1.ใช้ในการเก็บข้อมูลหรืสำรองข้อมูลไว้ใช้ในอนาคต

2.ใช้ในการเก็บข้อมูลโปรแกรมไว้อย่างถาวร

3.ใช้เป็นสื่อในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องหนึ่งไปยังเครื่องหนึ่ง

ประโยชน์ของหน่วยความจำสำรอง

หน่วยความจำสำรองจะช่วยแก้ปัญหากาญสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเพราะข้อมูลต่างๆที่ส่งเข้ามาประมวลผลเมื่อเรียบร้อยแล้วผลลัพธที่ได้จะถูกนำไปเก็บในความจำหลักประเภทแรม หากปิดเครื่อง หรือมีผปัญหาทางไฟฟ้าอาจทำให้ข้อมูลสูญหายจึงจำเป็นต้องมีหน่วยความจำสำรอง เช่นฮาร์ดดิสก์ แผ่นบันทึก ซีดีรอมดีวีดี เทปแม่เหล็ก หน่วยความจำแบบแฟลช เป็นต้น

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยคำสั่ง ชุดคำสั่งหรืโปรแกรมต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายได้หลายแบบ ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์คือมีศักยภาพสูงในการคำนวณประมวณผลข้อมูล ทั้งที่เป็นตัวเลขและรูปภาพ ตัวอักษร และเสียง

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
 คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์  หมายถึง ส่วนที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน

ส่วนที่ 1

หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit) เป็นวัสดุอุปกรณืที่นำมาเชื่อต่อ ทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าสู่ระบบ เพื่อกำหมดให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามความต้องการได้แก่
-แป้นอักขระ(Keyboard)
-แผ่นซีดี(CD-Rom)
-ไมโครโฟน(Microphone)
เป็นต้น

ส่วนที่ 2 

หน่วยประมวลผลกลาง (Centeal proessing Unit)
              ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวณทั้งทางตรรกะและทางคณิตศาสตร์ รวมถึงการประมวลข้อมูลตามคำสั้งที่ได้รับ

ส่วนที่ 3

 หน่วยความจำ (Memory Unit)
                ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งไปประมวลผลกลางและเก็บผลรับได้จากการประมวลผลแล้วเพื่อเตรียมไปยังหน่วยแสดงผล

ส่วนที่ 4

หน่วยแสดงผล(Output Unit)
                   ทำหน้าที่แสดงข้อมูลคอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล หรือผ่านการคำนวณแล้ว

ส่วนที่ 5

อุปกรณ์ต้อพ่วงอื่นๆ (peripheral Equipment)
               เป็นอุปกรณืที่นำมาต่อพ่วงเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอรืเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น เช่น โมเด็ม (modem)  แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย เป็นต้น

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์

1.มีความเร็วในการทำงานส่ง สามารถประมวลผลคำสั่งได้อย่างรวดเร็วในชั่ววินาที จึงใช้งานคำนวณได้อย่างรวดเร็ว
2.มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้แทนกำลังคนได้มาก
3.มีความถูกต้องแม่นยำ ตามโปรแกรมสั่งงานและมีข้อมูลที่ใช้
4.เก็บข้อมูลได้มาก ไม่เปลืองเนื้อที่เก็บเอกสาร
5.สามารภโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องนึงไปยังเครื่องนึงผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน